พระวินัยปืฎก จูฬวรรค [9. ปาติโมกขัฎฐปน ขันธกะ] 4. ปาติโมกขสวนารหะ
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์พึงงดปาติโมกข์อย่างนี้ ในวันอุโบสถ 14 ค่ำ หรือ 15
ค่ำนั้น เมื่อบุคคลนั้นเข้าร่วมประชุมสงฆ์ พึงประกาศขึ้นในท่ามกลางสงฆ์ว่า
ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า บุคคลชื่อนี้มีอาบัติติดตัว ข้าพเจ้าจะงด
ปาติโมกข์แก่บุคคลนั้น เมื่อบุคคลนั้นอยู่พร้อมหน้า สงฆ์ไม่พึงยกปาติโมกข์ขึ้นแสดง
ปาติโมกข์เป็นอันงดแล้ว
เรื่องพวกภิกษุฉัพพัคคีย์งดยกปาติโมกข์
สมัยนั้น พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ปรึกษากันว่า ใคร ๆ ไม่รู้จักพวกเรา มีอาบัติ
ติดตัว ฟังปาติโมกข์ ภิกษุผู้เถระทั้งหลายผู้รู้วาระจิตของผู้อื่น บอกภิกษุทั้งหลาย
ว่า ท่านทั้งหลาย พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ชื่อนี้ ๆ ปรึกษากันว่า ใคร ๆ ไม่รู้จักพวกเรา
มีอาบัติติดตัว ฟังปาติโมกข์
พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ได้ฟังข่าวว่า ภิกษผู้เถระทั้งหลายผู้รู้วาระจิตของผู้อื่นบอก
แก่ภิกษุทั้งหลายว่า พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ชื่อนี้ ๆ ปรึกษากันว่า ใคร ๆ ไม่รู้จักพวก
เรา มีอาบัติติดตัว ฟังปาติโมกข์
ภิกษุฉัพพัคคีย์พวกนั้นปรึกษากันว่า ภิกษุทั้งหลายผู้มีศีลดีงามจะงดปาติโมกข์
แก่พวกเราก่อน จึงรีบงดปาติโมกข์แก่ภิกษุทั้งหลายผู้บริสุทธิ์ไม่มีอาบัติ เพราะเรื่อง
ไม่สมควร เพราะเหตุไม่สมควร
บรรดาภิกษุผู้มักน้อยตำหนิ ประณาม โพนทะนาว่า ไฉนพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
จึงงดปาติโมกข์แก่ภิกษุทั้งหลายผู้บริสุทธิ์ไม่มีอาบัติ เพราะเรื่องไม่สมควรเพราะเหตุ
ไม่สมควรเล่า
ครั้งนั้นแล ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ภิกษุทั้งหลาย ทราบว่า พวก
ภิกษุฉัพพัคคีย์งดปาติโมกข์แก่ภิกษุทั้งหลายผู้บริสุทธิ์ ไม่มีอาบัติ เพราะเรื่องไม่สมควร
เพราะเหตุไม่สมควร จริงหรือ
ภิกษุทั้งหลายทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า